ถึงแม้ว่าธุรกิจอพาร์ทเมนท์โดยภาพรวมแล้ว โดยเฉพาะในด้านงานก่อสร้าง ไม่ต่างจากการก่อสร้างบ้านพักอาศัยมากนัก แต่ด้วย scale งานที่มีขนาดใหญ่กว่า จึงมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอยู่หลายประการด้วยกัน
1. ทำเล จะเป็นคำตอบให้ผู้ประกอบการทราบถึงความเป็นไปได้ของธุรกิจมากน้อยเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างบ้านหรืออพาร์ทเมนท์ ต่างก็ต้องเลือกทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้ชุมชน ยิ่งใกล้ตลาด สถานศึกษา ย่านธุรกิจ การคมนาคมสะดวกสบายก็ยิ่งดี
2. งบประมาณ สำหรับงานก่อสร้าง commercial buildings อย่างอพาร์ทเมนท์แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง เพราะมีผลต่อรายได้ ระยะเวลาคืนทุน ในขณะที่การก่อสร้างบ้านพักอาศัยไม่จำเป็นต้องนำเรื่องของระยะคืนทุนหรือรายได้ผลกำไรมาคิดคำนวณร่วมด้วย
3. ทีมที่ปรึกษา ประกอบด้วย วิศวกรที่ปรึกษาโครงการ สถาปนิก ผู้ควบคุมและหรือผู้ตรวจสอบ ผู้รับเหมา ซึ่งขาดไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้างอพาร์ทเมนท์ 18 ล้านหรือบ้านหลังละ 4 ล้าน
4. กฎหมายก่อสร้างและควบคุมอาคาร ข้อกำหนดของการอาคารสูงหรืออาคารสาธารณะนั้นมีมากกว่าบ้านพักอาศัยทั่วไป ซึ่งตัวบทกฎหมายครอบคลุมตั้งแต่ การออกแบบอาคารจนถึงการก่อสร้าง รวมไปถึงพื้นนี่สาธารณะที่ต้องมี เช่น บันไดหนีไฟ การระบายอากาศ ความกว้างของถนนหน้าอาคาร ฯลฯ
5. วัสดุก่อสร้าง ปัจจัยในการเลือกกำหนดสเปควัสดุก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ทเมนท์หรือบ้านพักอาศัย ภาพรวมอาจไม่แตกต่างกันมากนัก ทั้งเรื่องความสวยงาม ราคา ความคงทนและการดูแลรักษา แต่ต่างกันในเรื่องของการลำดับความสำคัญ สำหรับบ้านความสวยงามอาจมาก่อน ในขณะที่อพาร์ทเมนท์จะเน้นในเรื่องงบประมาณ ความคงทนและการดูแลรักษามากกว่าความสวยงาม
ทำเล ที่ตั้ง
ทำเลถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะทำเลที่ดีหมายถึง ใกล้แหล่งชุมชน โรงเรียนสถานศึกษา ตลาด รวมไปถึงมีการคมนาคมสะดวกสบาย ถึงแม้จะมีคู่แข่งอยู่ในพื้นที่เดียวกันก็ตาม
การมีคู่แข่งในทำเลเดียวกันไม่ใช่อุปสรรคต่อธุรกิจ แต่ให้ตั้งโจทย์ว่าผู้ประกอบการรายอื่นนั้นตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้สมบูรณ์แล้วหรือยัง จากนั้นนำสิ่งที่วิเคราะห์ได้มาเสริมเป็นจุดแข็งให้กับตัวเอง สิ่งสำคัญ อย่ามองว่าผู้ประกอบการทุกรายคือคู่แข่งทั้งหมด แต่ให้แยกว่าแต่ละรายมีศักยภาพระดับคุณภาพสูงหรือต่ำกว่า แล้วคัดไว้แต่รายที่ทัดเทียมกับตัวเอง นั่นจึงถือว่าเป็นคู่แข่งตัวจริง
ทีมที่ปรึกษา กลุ่มคนที่ขาดไม่ได้ในงานก่อสร้าง
ผลจากการที่ตนเองไม่มีความรู้ในเรื่องงานก่อสร้างเลย คุณตุ๊กจึงว่าจ้างที่ปรึกษาทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ( เพื่อนฝูง ญาติ เป็นต้น)เท่านั้น และมีการว่าจ้างสถาปนิกและผู้ตรวจสอบโครงการเพิ่มเติมในภายหลัง แต่หลายคนแนะนำว่าควรแต่งตั้งทีมที่ปรึกษาขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ดูแลควบคุมงานทุกส่วนให้เดินหน้าตามกำหนด ซึ่งภายในทีมจะประกอบด้วยบุคคล 4 ฝ่ายด้วยกัน คือ ที่ปรึกษาโครงการ วิศวกร สถาปนิก และโฟร์แมน โดยแต่ละคนมีหน้าที่แตกต่างกันไป
ซินแสฮวงจุ้ย ศาสตร์ที่ขาดไม่ได้
อีกหนึ่งวิชาชีพที่เข้ามามีบทบาทในอพาร์ทเมนท์และใครอีกหลายคนที่คิดจะสร้างบ้านหรืออพาร์ทเมนท์คือ ซินแสฮวงจุ้ย มีข้อกำหนดว่าซินแสที่จะใช้จะต้องสามารถอธิบายศาสตร์ฮวงจุ้ยให้เข้ากับหลักเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ได้ ซึ่งก็เผอิญเคยไปฟังสัมมนาที่บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งจัดขึ้น และชอบในหลักการเชิงวิทยาศาสตร์มากกว่าของซินแสผู้นี้ จึงได้ติดต่อไปเพื่อให้มาดูฮวงจุ้ยของอพาร์ทเมนท์ตั้งแต่ยังไม่เริ่มถมที่ดิน ปรับพื้นที่เลยทีเดียว
ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์เก่าแก่ของจีนที่ว่าด้วยเรื่องของหลักการจัดที่อยู่อาศัยที่ดี สำหรับ Studio 52 นี้ ฮวงจุ้ยเริ่มเข้ามามีบทบาทตั้งแต่การออกแบบ การจัดวางอาคารบนเนื้อที่ดิน โดยซินแสเข้ามาตรวจสอบตำแหน่งอาคารว่าตั้งถูกทิศตามหลักฮวงจุ้ยหรือไม่ ทิศใดเป็นทิศที่ลมพัดผ่านเข้าสู่ตัวอาคาร จนกระทั่งเริ่มการก่อสร้าง ฮวงจุ้ยก็ยังคงเข้ามามีบทบาทสำคัญอยู่เนืองๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจาะช่องเหนือประตูทางเข้าอาคาร เพื่อให้ภายในอาคารเกิดกระแสลมไหลเวียนตลอดเวลา ส่งผลให้ภายในอาคารเย็นสบาย ปลอดโปร่ง หรือแนะนำให้กำหนดความสูงของบันไดแต่ละขั้นไว้ที่ประมาณ 16 – 17 ซม. โดยให้เหตุผลว่าเป็นความสูงที่เดินสบายที่สุด
ที่มา : http://community.akanek.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น